เช็คหนังใหม่ Australia สุดยอดนักแสดง
Australia รีวิวหนัง Australia (2008) หนังเรื่อง Australia เป็นผลงานการกำกับของ Baz Luhrmann ที่มีการผสมผสานระหว่างความรัก การผจญภัย และประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมี Nicole Kidman และ Hugh Jackman เป็นนักแสดงนำ เรื่องราวเกิดขึ้นในท้องถิ่นที่สวยงามของออสเตรเลียในช่วงปี 1939 โดยเล่าถึงชีวิตของหญิงสาวชาวอังกฤษและคนเลี้ยงวัวที่ต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาฟาร์มของเธอจากการแย่งชิงที่ดินในช่วงสงคราม รายละเอียดนักแสดง ในเรื่อง Australia เราจะได้เห็นผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงที่มีชื่อเสียง เช่น: Nicole Kidman รับบทเป็น Lady Sarah Ashley Hugh Jackman รับบทเป็น Drover David Wenham รับบทเป็น Neil Fletcher Brandon Walters รับบทเป็น Nullah Jack Thompson รับบทเป็น King George คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes สำหรับคะแนนของหนัง Australia บน IMDB อยู่ที่ 6.6/10 และบน Rotten Tomatoes คะแนนอยู่ที่ 62% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้ชมและนักวิจารณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ สรุปเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ Australia เริ่มต้นจาก Lady Sarah AshleyLearn More
แง่คิดหลังดูหนัง Monstrous ดีเยี่ยม
Monstrous รีวิวหนัง Monstrous (2022) เป็นซีรี่ย์เกาหลีที่น่าติดตาม ซึ่งนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความน่าสะพรึงกลัว โดยมีการผสมผสานระหว่างแนวสยองขวัญและดราม่าได้อย่างลงตัว เรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่หลังเหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมน เนื้อเรื่อง Monstrous เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจและความลึกลับที่ถูกสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เมื่อมีการค้นพบสิ่งที่ผิดปกติในพื้นที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ นำมาซึ่งความหวาดกลัวและการค้นหาความจริงของตัวละครหลักที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ นักแสดง Kim Ji-won รับบทเป็น Lee Soo-yeon นักบวชหญิงที่มีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับสิ่งลี้ลับ Shin Hyun-been รับบทเป็น Jung Woo-jin นักข่าวสาวที่เข้ามาสืบสวนเรื่องราวของหมู่บ้าน Park Sung-woong รับบทเป็น Kim Joon-seok ชายคนหนึ่งที่มีความเชื่อมั่นในความเชื่อของหมู่บ้าน คะแนนรีวิว คะแนน IMDB สำหรับ Monstrous อยู่ที่ 7.5/10 ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่น่าพอใจสำหรับซีรี่ย์แนวนี้ ขณะเดียวกัน Rotten Tomatoes ให้คะแนนที่ 80% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าซีรี่ย์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์ สรุป Monstrous เป็นซีรี่ย์ที่สร้างความตื่นเต้นและความตึงเครียดตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอเรื่องราวที่มีการเปิดเผยทีละน้อย ทำให้ผู้ชมต้องติดตามและร่วมค้นหาความจริงไปพร้อมกับตัวละครหลัก สิ่งที่น่าสนใจคือการนำเสนอความเชื่อและความกลัวที่มีอยู่ในสังคม ซึ่งทำให้ซีรี่ย์นี้ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องราวสยองขวัญ แต่ยังมีมิติทางสังคมและจิตวิทยา ในส่วนของการสร้างภาพและเสียง Monstrous ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านมีความน่าสะพรึงกลัว และดนตรีประกอบที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ให้กับฉากต่างๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ย์แนวสยองขวัญและต้องการดูประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร Monstrous เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก และคุณสามารถ ดูบอลสด เพื่อรับชมซีรี่ย์แนวนี้ได้อย่างเต็มที่
รีวิวพร้อมสปอย Frequency น่าเล่น
Frequency รีวิวหนัง Frequency (2000) เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ-ระทึกขวัญที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการสื่อสารข้ามเวลา ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกชายที่ต้องต่อสู้กับชะตากรรมที่มืดมน การเดินทางในเวลาและการค้นหาความจริงเกี่ยวกับฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับอารมณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ความเศร้าโศกไปจนถึงความหวัง ข้อมูลนักแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แสดงโดยนักแสดงชื่อดังหลายคน อาทิเช่น: Jim Caviezel รับบทเป็น John Sullivan Dennis Quaid รับบทเป็น Frank Sullivan Elizabeth Mitchell รับบทเป็น Julia Sullivan Andre Braugher รับบทเป็น Detective Satch คะแนนและการตอบรับ Frequency (2000) ได้รับคะแนนจาก IMDb ที่ 7.3/10 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 63% ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีสำหรับภาพยนตร์แนวนี้ สรุปเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ Frequency เริ่มต้นเมื่อ John Sullivan (Jim Caviezel) นักดับเพลิงในปัจจุบันพบว่าตนสามารถสื่อสารกับพ่อของเขา Frank Sullivan (Dennis Quaid) ผ่านวิทยุในปี 1969 ที่เขาใช้ในงานอดิเรกของเขา ทั้งคู่เริ่มสื่อสารกันและพบว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีตได้ เมื่อ John ได้รับรู้เกี่ยวกับฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขา เขาและพ่อของเขาจึงพยายามร่วมมือกันเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ด้วยความหวังว่าจะช่วยชีวิตแม่ของเขา ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงในปัจจุบัน ทำให้ John ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย ภาพยนตร์นี้สร้างความตื่นเต้นและความรู้สึกให้กับผู้ชม โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวเริ่มเปิดเผยชิ้นส่วนปริศนาต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นLearn More
แง่คิดหลังดูหนัง Rebel Moon – Part Two: The Scargiver ภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์
Rebel Moon – Part Two: The Scargiver รีวิวหนัง เรื่อง Rebel Moon – Part Two: The Scargiver เป็นผลงานที่สร้างจากจินตนาการของผู้กำกับ แซ็ค สไนเดอร์ (Zack Snyder) ที่ได้สร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานให้กับผู้ชม โดยหนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก Rebel Moon – Part One: A Child of Fire ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2023 และเตรียมที่จะเผยแพร่ในปี 2024 บนแพลตฟอร์ม goatbet168 Netflix รายละเอียดนักแสดง Charlie Hunnam รับบทเป็น Kai Sophia Boutella รับบทเป็น Nyx Djimon Hounsou รับบทเป็น General Titus Ray Fisher รับบทเป็น Darrian Jena Malone รับบทเป็น Sienna Ed Skrein รับบทเป็น Zeth Staz Nair รับบทเป็น Darius คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes ณLearn More
พูดถึงภาพยนตร์ Wild City หลอน
Wild City รีวิวหนัง Wild City เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น-อาชญากรรมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและบีบหัวใจ โดยกำกับโดย Ringo Lam ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์ฮ่องกง หนังเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยฉากการต่อสู้ที่ดุเดือด เรื่องย่อ เรื่องราวของ Wild City เริ่มต้นเมื่อ จอห์น (รับบทโดย Louis Koo) เจ้าของบาร์ในฮ่องกง ได้เข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง หลังจากที่เขาช่วยสาวสวยคนหนึ่งจากการถูกทำร้าย แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ สาวคนนั้นเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งยากูซ่า การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเริ่มขึ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจมืดและการแก้แค้นที่ตามมา นักแสดง Louis Koo รับบท จอห์น Shawn Yue รับบท หว่อง Wang Qianyuan รับบท หัวหน้าแก๊ง Jiang Shuying รับบท สาวที่ถูกช่วย คะแนน IMDB: 6.0/10 Rotten Tomatoes: 50% ความเห็นส่วนตัว ภาพยนตร์ Wild City นำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้นและมีฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่มีความมันส์และมีความสมจริง นักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะ Louis Koo ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวบางส่วนอาจจะมีความซับซ้อนและทำให้ผู้ชมต้องตั้งใจติดตาม แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่คุ้มค่าแก่การรับชม สำหรับแฟน ๆ ของหนังแนวนี้ที่ชื่นชอบความเข้มข้นและการต่อสู้ที่ดุเดือด ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น การพัฒนาของตัวละครและโครงเรื่องมีความน่าสนใจ แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถปรับปรุงได้ เช่น การเล่าเรื่องที่อาจจะยังไม่ค่อยลื่นไหลนัก และบางฉากอาจจะรู้สึกว่ามีความเร่งรีบไปบ้าง โดยรวมแล้ว WildLearn More
เจาะลึกหนัง Doraemon The Movie 6: Nobita’s Space War การเดินทางด้านจิตใจ
Doraemon The Movie 6: Nobita’s Space War รีวิวหนัง: “Doraemon The Movie 6: Nobita’s Space War” เป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ออกฉายในปี 1985 ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในซีรีส์โดเรม่อน โดยมีเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยจินตนาการที่เด็กๆ จะต้องชื่นชอบ เนื้อเรื่อง ในเรื่องนี้ โนบิตะและเพื่อนๆ ต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานจากเอเลี่ยนที่มีชื่อว่า “ดาร์ค” ซึ่งมาจากดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า “ดาวดาร์ค” พวกเขาได้ทำการขโมยของวิเศษจากในโลกของโนบิตะ เพื่อใช้ในการครอบครองโลก โนบิตะได้ขอความช่วยเหลือจากโดเรม่อนและเพื่อนๆ โดยพวกเขาต้องออกเดินทางไปยังอวกาศเพื่อหยุดยั้งการรุกรานนี้ ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาได้พบกับเพื่อนใหม่และต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งความกลัวและความท้าทายที่ทำให้พวกเขาต้องเติบโตและเรียนรู้ถึงความสำคัญของมิตรภาพ นักแสดง ในภาพยนตร์นี้มีการพากย์เสียงโดยนักพากย์ที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นประกอบด้วย: โนบิตะ: โนบูยูกิ ฮิราอิ โดเรม่อน: อิซุมิ โอซากิ ชิซูกะ: คาซึโกะ โทโยดะ ซูเนโอะ: เท็ตสึยะ คิตะ เจียง: อะคิโกะ ยามาชิตะ คะแนนและความนิยม คะแนน IMDB สำหรับ “Doraemon The Movie 6: Nobita’s Space War” อยู่ที่ 7.3/10 ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีสำหรับภาพยนตร์อนิเมะ ส่วนคะแนน Rotten Tomatoes ยังไม่มีการบันทึกคะแนนในช่วงเวลาที่ออกฉาย แต่สามารถบอกได้ว่าภาพยนตร์นี้ได้รับความนิยมจากแฟนๆ และมีการรีวิวในเชิงบวกอย่างมาก สรุป “Doraemon The MovieLearn More
คุยกันหลังดู The Chaser ห้ามพลาดเด็ดขาด
The Chaser รีวิวหนังเรื่อง The Chaser ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เกาหลีที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความดิบและเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวของภาพยนตร์ระทึกขวัญที่มีการไล่ล่าที่น่าติดตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกกำกับโดย Na Hong-jin และออกฉายในปี 2008 ซึ่งได้รับคะแนนจาก IMDb อยู่ที่ 7.9 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes ที่ 83% เนื้อเรื่องย่อ เรื่องราวเริ่มต้นจาก จุนโฮ (รับบทโดย Kim Yoon-seok) อดีตตำรวจที่ผันตัวมาเป็นโสเภณีในกรุงโซล เขากำลังติดตามและตามล่าหาโสเภณีที่หายไป ซึ่งเขาสงสัยว่าถูกลักพาตัวไปโดยฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อเสียง คังจู (รับบทโดย Ha Jung-woo) ในขณะที่เขาพยายามค้นหาโสเภณีที่หายไปนั้น เขาได้พบกับเบาะแสที่นำเขาไปสู่การเปิดโปงความจริงที่น่าสยดสยองเกี่ยวกับฆาตกรที่มีจิตใจโหดเหี้ยม เมื่อเรื่องราวดำเนินไป จุนโฮต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าฆาตกรดูเหมือนจะเป็นคนที่เขาคุ้นเคย และต้องพยายามหยุดยั้งการฆาตกรรมเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น โดยมีการไล่ล่าที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความตึงเครียด การเปิดเผยความจริงในเรื่องนั้นทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความซับซ้อนของตัวละครและความตึงเครียดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การแสดงและการกำกับ การแสดงของ Kim Yoon-seok และ Ha Jung-woo ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอารมณ์และความซับซ้อนของตัวละคร จุนโฮมีการพัฒนาที่ชัดเจนจากสภาพที่เป็นเหยื่อสู่การเป็นผู้ล่า ขณะที่คังจูเป็นตัวละครที่มีความน่าสนใจในด้านของความบ้าคลั่งและความชั่วร้าย ซึ่งทั้งสองได้สร้างความตึงเครียดและความน่าสนใจให้กับเรื่องราว การกำกับของ Na Hong-jin ทำให้ภาพยนตร์มีความเข้มข้นและดำเนินเรื่องได้อย่างรวดเร็ว โดยมีการใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวและความรู้สึกวิตกกังวล เช่น การใช้เสียงและการจัดแสงที่ช่วยเสริมสร้างอารมณ์ให้กับผู้ชม บทสรุป The Chaser เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวระทึกขวัญและความดิบ โดยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น การแสดงที่ยอดเยี่ยม และการกำกับที่มีฝีมือทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์อย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมในเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้ผู้ชมได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความชั่วร้ายที่แฝงในสังคม หากคุณต้องการรับชมภาพยนตร์ที่มีการเล่าเรื่องที่น่าติดตามและมีความเข้มข้น ดูบอล66 เป็นตัวเลือกที่ดีในการติดตามภาพยนตร์ที่น่าสนใจอย่าง The Chaser ที่จะทำให้คุณหลงใหลในโลกของการไล่ล่าและการเปิดเผยความจริงที่น่าขนลุก
เนื้อเรื่องย่อ The Descent บทสนทนาล้ำลึก
The Descent รีวิวหนัง The Descent | หวีด มฤตยูขย้ำโลก ภาค 1 หากพูดถึงภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความตื่นเต้น “The Descent” ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดหนังที่ไม่ควรพลาด ในปี 2005 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Neil Marshall และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์ โดยมีคะแนน IMDb อยู่ที่ 7.2 และ Rotten Tomatoes ให้คะแนนไว้ที่ 86% ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพของหนังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องย่อ The Descent เล่าเรื่องราวของกลุ่มผู้หญิงหกคนที่ตัดสินใจไปผจญภัยในการสำรวจถ้ำที่ไม่เคยมีใครเข้าไปมาก่อน โดยมี Sarah (รับบทโดย Shauna Macdonald) เป็นตัวเอกที่เพิ่งสูญเสียสามีและลูกสาวในอุบัติเหตุ พวกเธอหวังว่าจะใช้การผจญภัยครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่เมื่อพวกเธอลงไปในถ้ำลึก ความหวังที่จะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นกลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อพวกเธอพบว่าถ้ำที่พวกเขาเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว และพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากมฤตยูที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด นักแสดง Shauna Macdonald รับบท Sarah Natalie Mendoza รับบท Juno Alex Reid รับบท Beth MyAnna Buring รับบท Hanna Anna Faris รับบท Sam Oliver Milburn รับบท Paul สรุป The Descent เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความตึงเครียดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการใช้บรรยากาศในถ้ำที่มืดมิดและอึดอัดเป็นฉากหลักLearn More
แนะนำภาพยนตร์ Die Tomorrow ควรดูมาก
Die Tomorrow ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ “Die Tomorrow” (2017) เราจะได้สัมผัสกับเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างความจริงและความเชื่อ ซึ่งจะนำเราไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตายอย่างลึกซึ้ง รายละเอียดนักแสดง นักแสดงหลักใน “Die Tomorrow” ประกอบด้วย: Chutimon Chuengcharoensukying รับบทเป็น “Nina” Thaneth Warakulnukroh รับบทเป็น “Nai” Jarinporn Joonkiat รับบทเป็น “Nina’s Mother” Rattanakorn Ratanawijit รับบทเป็น “The Doctor” คะแนนและรีวิว ในเว็บไซต์ IMDb “Die Tomorrow” ได้รับคะแนน 6.8/10 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชมมีความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนใน Rotten Tomatoes คะแนนอยู่ที่ 75% ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่ดีสำหรับภาพยนตร์แนวนี้ สรุปเนื้อเรื่อง “Die Tomorrow” เล่าเรื่องราวของ “Nina” หญิงสาวที่ได้รับข่าวจากเพื่อนว่าเธออาจจะตายภายในวันพรุ่งนี้ หลังจากได้รับข่าวนี้ ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของการมีชีวิตอยู่และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ภาพยนตร์ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่ไม่เป็นเชิงเส้น โดยจะสลับไปมาระหว่างเวลาที่ต่างกัน ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความรู้สึกของตัวละครในหลากหลายมิติ การใช้ภาพและเสียงในหนังช่วยสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นและทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความกดดันและความวิตกกังวลของตัวละคร นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังนำเสนอเรื่องราวของคนรอบตัว “Nina” ที่ต่างมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตและความตายที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้า เหล่านี้ทำให้ “Die Tomorrow” เป็นหนังที่ชวนคิดและสะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิต เมื่อความตายกลายเป็นประเด็นหลักในชีวิตของ “Nina” เธอจึงเริ่มทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อน เริ่มใช้ชีวิตอย่างเต็มที่Learn More